คำพ่อคำแม่ คำศักดิ์สิทธิ์
เคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่พูดกันมั้ยคะ ว่า คำพ่อคำแม่มันศักดิ์สิทธิ์ พูดอะไรกับลูกมันก็จะเป็นอย่างนั้นแหละ สำหรับคนที่ชอบวิทยาศาสตร์แถมเรียนจบสายวิทย์มาด้วยอย่างริน คำพูดลอยๆ พวกนี้ ดูเชื่อไม่ได้เลยค่ะ เหมือนเป็นแค่คำพูดเอาไว้หลอกเด็กๆ ให้เคารพพ่อแม่ แต่มันเป็นเรื่องจริงนะคะ คำพูดพ่อแม่นี่แหละ ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ มา ล้อมวงเข้ามาค่ะ รินจะเล่าให้ฟัง
ตอนที่เด็กๆ เกิดมาเนี่ย เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร อย่างไร เด็กๆ ยังไม่มีความสามารถที่จะคิดมากนัก (สมองส่วนหน้าที่ใช้คิดจะพัฒนาเต็มที่ก็ตอนอายุยี่สิบปลายๆ) แต่เขามีสมองของมนุษย์ค่ะ สมองที่ฉลาดที่สุด เด็กๆ ซึมซับทุกอย่างได้ดีเยี่ยมยิ่งกว่าฟองน้ำ เด็กๆ สามารถเรียนรู้ภาษาจากที่ไม่เคยรู้เลยว่าแต่ล่ะคำมีความหมายว่าอะไร จนกระทั่งฟังรู้เรื่องและพูดได้ในระยะเวลาประมาณสองปีเท่านั้นเอง ลองปล่อยเราทิ้งไว้ ณ ประเทศที่เราฟังเขาไม่เข้าใจสักคำสิคะ ผ่านไปสองปีก็ยังใช้ภาษามือนี่แหละค่ะ
นอกจากมันสมองชั้นเลิศที่พร้อมดูดซับทุกอย่างแล้ว เด็กๆ ยังรู้ดีอีกด้วยว่า พ่อแม่คือคนที่เก่งที่สุด รักเขาที่สุด รู้จักเขาดีที่สุด เพราะฉะนั้น สิ่งที่พ่อแม่พูดถึงเขา ไม่ว่าเขาจะไม่ชอบมันแค่ไหน มันต้องเป็นเรื่องจริงแน่ๆ
แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเราบอกลูกว่า ดื้อ โง่ ขี้เกียจ หรือเห็นแก่ตัว
รินรู้ดีว่าเราไม่ได้หมายความอย่างนั้นกันหรอกค่ะ บางครั้งเราว่าลูกว่าดื้อเพราะอยากให้เขาเชื่อฟัง เราว่าเขาว่าโง่เพราะต้องการให้เขาอ่านหนังสือให้มากขึ้นเพราะเป็นห่วงอนาคตเขา เราว่าเขาว่าขี้เกียจเพราะเราต้องการให้เขาช่วยงานบ้านต้องการให้เขารับผิดชอบ เราว่าเขาว่าเห็นแก่ตัวเพราะเราต้องการให้เขาแบ่งของเล่นกับน้อง
แต่เชื่อไหมคะ สิ่งที่ลูกได้รับ มันไม่ใช่ข้อความที่ซ่อนอยู่ของเราค่ะ เพราะเขายังไม่มีความสามารถในการคิดถึงข้อความที่ซ่อนอยู่ เขารับข้อความที่เราพูดออกไปเหมือนฟองน้ำ และตีความไปตรงๆ ตัว เมื่อเราว่าเขาแบบนั้น เขาก็พร้อมที่จะเชื่อว่าเขาเป็นคนแบบนั้น เป็นคนที่โง่ ดื้อ ขี้เกียจ เห็นแก่ตัว
คนที่เรียนหนังสือไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก ก็เราโง่นี่นา
คนที่เชื่อฟังยังไงแม่ก็ไม่เห็นหรอก ก็เราดื้อนี่นา
คนที่อ่านหนังสือไม่ได้หรอก ก็เราขี้เกียจนี่นา
คนที่แบ่งปันอะไรกับใครไม่ได้หรอก ใครๆ ก็ไม่รักหรอก ก็เราเห็นแก่ตัวนี่นา
ยิ่งไปกว่านั้น เสียงนี้จะสะท้อนอยู่ภายในใจของลูก แม้เวลาผ่านไป จนลูกอาจลืมไปแล้วว่าเราเคยว่าเขาว่าอะไรเมื่อยังเด็ก แต่มันจะกลายเป็นภาพที่เขามองเห็นตัวเอง เด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยคำดุด่าของพ่อแม่ มักจะมองเห็นคุณค่าของตัวเองต่ำไปด้วย และจะมีปัญหาตามมามากมายเลยค่ะ
กลับกัน รินเคยชมลูกครั้งนึงตอนลูกเพิ่งอายุครบ 3 ขวบ ตอนนั้นลูกช่วยเช็ดของเล่นที่เขาระบายสีไว้เลอะเทอะ ว่าดีจังเลยที่หนูรับผิดชอบเช็ดของเล่นเอง แม่ภูมิใจหนูมากเลยที่หนูเป็นเด็กรับผิดชอบ รู้ไหมคะ หลังจากนั้น ลูกทำเลอะเองเช็ดเองทุกครั้งเลยค่ะ เธอบอกว่า "อัณณารับผิดชอบ"
เพราะฉะนั้นแล้ว คำว่า "คำพ่อคำแม่ มันศักดิ์สิทธิ์" นี้ มีไว้ใช้เตือนสติพ่อแม่อย่างพวกเราค่ะ จะพูดอะไรต้องระวัง อย่าไปตราหน้าลูกว่าเขาเป็นคนไม่ดี เขาแค่มีพฤติกรรมไม่ดีในบางครั้งหรือบางเรื่องเท่านั้นเอง เราสอนกันด้วยคำพูดดีๆ ได้ค่ะ
ตอนที่เด็กๆ เกิดมาเนี่ย เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร อย่างไร เด็กๆ ยังไม่มีความสามารถที่จะคิดมากนัก (สมองส่วนหน้าที่ใช้คิดจะพัฒนาเต็มที่ก็ตอนอายุยี่สิบปลายๆ) แต่เขามีสมองของมนุษย์ค่ะ สมองที่ฉลาดที่สุด เด็กๆ ซึมซับทุกอย่างได้ดีเยี่ยมยิ่งกว่าฟองน้ำ เด็กๆ สามารถเรียนรู้ภาษาจากที่ไม่เคยรู้เลยว่าแต่ล่ะคำมีความหมายว่าอะไร จนกระทั่งฟังรู้เรื่องและพูดได้ในระยะเวลาประมาณสองปีเท่านั้นเอง ลองปล่อยเราทิ้งไว้ ณ ประเทศที่เราฟังเขาไม่เข้าใจสักคำสิคะ ผ่านไปสองปีก็ยังใช้ภาษามือนี่แหละค่ะ
นอกจากมันสมองชั้นเลิศที่พร้อมดูดซับทุกอย่างแล้ว เด็กๆ ยังรู้ดีอีกด้วยว่า พ่อแม่คือคนที่เก่งที่สุด รักเขาที่สุด รู้จักเขาดีที่สุด เพราะฉะนั้น สิ่งที่พ่อแม่พูดถึงเขา ไม่ว่าเขาจะไม่ชอบมันแค่ไหน มันต้องเป็นเรื่องจริงแน่ๆ
แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเราบอกลูกว่า ดื้อ โง่ ขี้เกียจ หรือเห็นแก่ตัว
รินรู้ดีว่าเราไม่ได้หมายความอย่างนั้นกันหรอกค่ะ บางครั้งเราว่าลูกว่าดื้อเพราะอยากให้เขาเชื่อฟัง เราว่าเขาว่าโง่เพราะต้องการให้เขาอ่านหนังสือให้มากขึ้นเพราะเป็นห่วงอนาคตเขา เราว่าเขาว่าขี้เกียจเพราะเราต้องการให้เขาช่วยงานบ้านต้องการให้เขารับผิดชอบ เราว่าเขาว่าเห็นแก่ตัวเพราะเราต้องการให้เขาแบ่งของเล่นกับน้อง
แต่เชื่อไหมคะ สิ่งที่ลูกได้รับ มันไม่ใช่ข้อความที่ซ่อนอยู่ของเราค่ะ เพราะเขายังไม่มีความสามารถในการคิดถึงข้อความที่ซ่อนอยู่ เขารับข้อความที่เราพูดออกไปเหมือนฟองน้ำ และตีความไปตรงๆ ตัว เมื่อเราว่าเขาแบบนั้น เขาก็พร้อมที่จะเชื่อว่าเขาเป็นคนแบบนั้น เป็นคนที่โง่ ดื้อ ขี้เกียจ เห็นแก่ตัว
คนที่เรียนหนังสือไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก ก็เราโง่นี่นา
คนที่เชื่อฟังยังไงแม่ก็ไม่เห็นหรอก ก็เราดื้อนี่นา
คนที่อ่านหนังสือไม่ได้หรอก ก็เราขี้เกียจนี่นา
คนที่แบ่งปันอะไรกับใครไม่ได้หรอก ใครๆ ก็ไม่รักหรอก ก็เราเห็นแก่ตัวนี่นา
ยิ่งไปกว่านั้น เสียงนี้จะสะท้อนอยู่ภายในใจของลูก แม้เวลาผ่านไป จนลูกอาจลืมไปแล้วว่าเราเคยว่าเขาว่าอะไรเมื่อยังเด็ก แต่มันจะกลายเป็นภาพที่เขามองเห็นตัวเอง เด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยคำดุด่าของพ่อแม่ มักจะมองเห็นคุณค่าของตัวเองต่ำไปด้วย และจะมีปัญหาตามมามากมายเลยค่ะ
กลับกัน รินเคยชมลูกครั้งนึงตอนลูกเพิ่งอายุครบ 3 ขวบ ตอนนั้นลูกช่วยเช็ดของเล่นที่เขาระบายสีไว้เลอะเทอะ ว่าดีจังเลยที่หนูรับผิดชอบเช็ดของเล่นเอง แม่ภูมิใจหนูมากเลยที่หนูเป็นเด็กรับผิดชอบ รู้ไหมคะ หลังจากนั้น ลูกทำเลอะเองเช็ดเองทุกครั้งเลยค่ะ เธอบอกว่า "อัณณารับผิดชอบ"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น