การเล่นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ (Importance of Play)
ในการเลี้ยงลูกเชิงบวก
รากฐานที่สำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูก
และวิธีสร้างความสัมพันธ์ที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่งคือการเล่นด้วยกัน
แต่น่าเสียดายที่เด็กๆ หลายคนไม่มีโอกาสได้เล่นอย่างเต็มที่ ในโลกที่แข่งขัน
เราอาจมองว่าการเล่นเป็นเรื่องเสียเวลา ลูกต้องฝึกทำโจทย์ ต้องเรียนพิเศษ เพื่อไปสอบแข่งกับคนอื่น .. รินเห็นด้วยว่าเราต้องพัฒนาสมองลูก
แต่การสร้างความสัมพันธ์ก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้กัน ดังนั้น
รินขอแนะนำการเล่นที่จะตอบโจทย์เราทั้งสองอย่างค่ะ
1) การเล่นแบบใช้ร่างกาย เล่นโลดโผน
การเล่นแบบนี้จะทำให้สมองส่วนบนพัฒนา ทำให้รับมือกับอารมณ์และความเครียดได้ดี การที่ลูกได้สนุกตื่นเต้นและหัวเราะเต็มที่จะทำให้สารเคมีที่ดีต่อสมองหลั่งออกมา มีการเก็บข้อมูลจากโรงเรียนอนุบาลในญี่ปุ่นพบว่า โรงเรียนที่เล่นแบบนี้ก่อนเข้าเรียนจะทำให้เด็กๆ มีสมาธิสูงกว่านักเรียนในโรงเรียนอื่นๆ โดยจะสามารถนั่งนิ่งๆ
ตั้งใจฟังคุณครูในห้องเรียนได้ นอกจากนั้น การเล่นแบบนี้ยังเป็นการเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดใหญ่
ส่งผลให้ลูกเติบโตไปเป็นคนมีบุคลิกดี ดูสง่าผ่าเผย
กล้ามเนื้อหลังที่แข็งแรงช่วยให้นั่งเรียนหนังสือได้นานและช่วยลดการเกิดกระดูกสันหลังคดเมื่อลูกโตขึ้นด้วยค่ะ
เล่นแบบนี้เล่นยังไง?
การปล่อยให้เด็กได้วิ่งเล่นปีนป่ายก็อยู่ในกลุ่มนี้ค่ะ
แต่ถ้าเราต้องการสร้างสัมพันธ์ไปด้วย เราก็ต้องเข้าไปเล่นกับลูกด้วย เช่น พาลูกบินไปบนขาหรืออุ้มเหาะไปแบบซูเปอร์แมน เล่นขี่ม้า ให้ลูกปีนขาปีนตัวเรา วิ่งไล่จับ(จับได้จั๊กจี๋หรือเป่าพุง) อุ้มโยน จับเหวี่ยง เต้นรำกัน เอาลูกมานั่งบนผ้าแล้วลากไปทั่วบ้าน หรือเอาลูกมาเดินบนเท้าเรา เป็นต้น
กอดรัดฟัดเหวี่ยงแล้วหัวเราะกันให้เต็มที่!
รูปจาก https://www.flickr.com/photos/gracewong/141392051
*การเล่นแบบใช้ร่างกายหลายอย่างเกินกำลังของคุณแม่
ถ้าคุณพ่อเข้ามาช่วยได้จะดีมากๆ เลยค่ะ
มีงานวิจัยหลายชิ้นว่าการพ่อที่เล่นกับลูกจะช่วยให้ลูกฉลาดขึ้นด้วยนะคะ
2) การเล่นอิสระหรือการเล่นแบบไม่มีกฎเกณฑ์
นอกจากมันจะสนุกที่สุดและเป็นการปลดปล่อยความเครียดที่ดีแล้ว การเล่นแบบนี้เป็นวิธีการพัฒนาทักษะการคิดที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก
มันจะช่วยให้ลูกได้มีจินตนาการ มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะการแก้ปัญหา
และพัฒนาไปสู่ทักษะทางสังคม
เล่นแบบนี้เล่นยังไง?
การเล่นแบบนี้เกิดขึ้นได้ง่ายนอกบ้านและเมื่อเราไม่ไปคอยจุกจิกกำกับลูก ถ้าเราสังเกตดู เวลาเราปล่อยให้เด็กๆ อยู่ด้วยกัน พวกเขาจะคิดอะไรสนุกๆ ขึ้นมาแล้วเล่นด้วยกัน
ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ประกอบอะไรมากมาย
แค่ใบไม้หรือก้อนหินก็ทำให้ลูกเล่นสนุกได้ทั้งวันแล้ว ลองนึกถึงสมัยเราเด็กๆ
ที่ได้ไปเล่นกับเพื่อนนอกบ้านจนเกือบมืดทุกวัน ตอนนั้นแค่รองเท้าแตะของเราก็เอามาเล่นได้สารพัดอย่างแล้วค่ะ
ถ้าเราต้องการสร้างสัมพันธ์ไปกับลูกด้วย
เราสามารถปรับการเล่นแบบนี้ ด้วยการทำตัวเป็นเพื่อนเล่นกับลูก ซึ่งทำได้โดย
i) ทิ้งความเป็นผู้ใหญ่ไปก่อน
ไม่จำเป็นต้องสั่งสอนลูกตลอดเวลา เวลาเล่นคือเวลาที่เราต้องสนุกไปกับลูก
ถ้าเล่นไปสอนไปบ่นไป ลูกคงไม่อยากเล่นด้วย จำไว้ว่าไม่มีอะไรผิดในการเล่นที่ไม่มีกฎ ลูกจะระบายดวงอาทิตย์เป็นสีเขียวก็ไม่เห็นแปลก จะเลอะเทอะบ้างก็ไม่เห็นเป็นไร
เล่นเสร็จก็ช่วยกันเก็บก็ได้ พยายามอย่าห้ามถ้ามันไม่อันตราย
ii) ปล่อยให้ลูกนำแล้วเราคอยตอบสนอง
ด้วยการ
- สังเกตสิ่งที่ลูกทำและบรรยายออกมา (หนูกำลังผสมสีเหลืองกับสีแดง)
- มีส่วนร่วม (ถ้าลูกเอารถมาเล่น
เราอาจเล่นเป็นปั๊มน้ำมัน ถ้าลูกสมมติว่าไปเที่ยว เราอาจช่วยลูกสร้างที่พัก ลูกเล่นเป็นหมอ เราอาจเป็นคนไข้ พยาบาล หรือกระทั่งรถพยาบาลพาคนไข้มาส่ง)
- สัมผัสลูกบ้างระหว่างการเล่น
ลูบหัว ลูบหลัง
- ชมในสิ่งที่ลูกทำ
(โอ้โห เจ้ากบตัวนี้สีรุ้งสดใสดีจังเลย)
เกมตกปลากลายเป็นคนไข้มาทำฟัน
สีเป็นฟลูออไรด์รสต่างๆ อัณณาเป็นหมอฟัน โดยมีแม่เป็นผู้ช่วย
การเล่นแบบให้ลูกนำ
นอกจากลูกจะมีความสุขและได้เรียนรู้แล้ว มันยังจะช่วยลดความตึงเครียดของบ้าน
เมื่อลูกได้โอกาสนำเราในการเล่น ลูกก็จะยอมตามเราเมื่อเราต้องนำ ลูกจะต่อต้านเราน้อยลง และเมื่อเล่นกับเราแล้วสนุก ลูกก็จะอยากเล่นกับเรามากขึ้น ความสัมพันธ์ก็จะดีขึ้น ลูกก็จะพยายามเป็นเด็กดีและทำให้เราพอใจมากขึ้นด้วยค่ะ
งานวิจัยหลายชิ้นบอกว่า
เด็กๆ ในยุคนี้หลายคนประสพกับปัญหาเนื่องจากได้เล่นไม่พอ
แต่การเล่นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ การเล่นเป็นสิ่งจำเป็น (สสส
เคยให้หลักในการเสริมพัฒนาการลูกไว้ว่า กิน กอด เล่น เล่า)
มันช่วยทำให้ลูกสุขภาพจิตดี ร่างกายแข็งแรง สมองพัฒนา มีทักษะต่างๆ ติดตัวไป
และเป็นช่องทางที่ดีในการกระชับความสัมพันธ์กับเราด้วยค่ะ
หาเวลามาเล่นกับลูกกันนะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น