ทำความรู้จักการเลี้ยงลูกเชิงบวก

การเลี้ยงลูกเชิงบวก (positive parenting/positive discipline) คืออะไร?


- แก่นของการเลี้ยงลูกเชิงบวก คือ การมองลูกเป็นปัจเจกชนคนหนึ่ง ที่มีสิทธิที่จะได้เติบโตอย่างปราศจากความรุนแรง การเลี้ยงลูกเชิงบวก หรือการฝึกวินัยเชิงบวก จะใช้การสอนแทนการทำโทษ ใช้ความเข้าใจแทนคำขู่ ใช้ความรักและเห็นอกเห็นใจแทนการทำให้อาย

การเลี้ยงลูกเชิงบวก จะหลีกเลี่ยงการลงโทษเท่าที่สามารถทำได้ เพราะการลงโทษด้วยความรุนแรง ไม่ว่าจะด้วยการลงโทษทางกาย ทางคำพูด หรือการทอดทิ้ง ส่งผลอย่างรุนแรงต่อเด็ก และส่งผลเสียอย่างมากต่อความสัมพันธ์ ซึ่งเป็นกุญแจหลักในการเลี้ยงลูกเชิงบวก (อ่านเรื่องผลเสียจากการตีได้ ที่นี่)

ไม่ทำโทษเลย แล้วจะสอนได้อย่างไร?


- การเลี้ยงลูกเชิงบวกใช้วิธีการทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี ชี้แนะ กำหนดขอบเขต หรือให้พบกับบทเรียนตามธรรมชาติ การเลี้ยงลูกเชิงบวกไม่ใช่การเลี้ยงลูกแบบตามใจ เรายังชี้แนะและสั่งสอนเหมือนพ่อแม่ที่ดีทั่วๆ ไป เพียงแต่เราจะทำด้วยความรัก ความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ และไม่รุนแรง (อ่านตัวอย่างการสร้างวินัยโดยไม่ทำโทษได้ ที่นี่)

เลี้ยงลูกเชิงบวกดีอย่างไร?


1) ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกจะมั่นคง 
2) เด็กมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น 
3) เด็กจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
4) เด็กได้เรียนรู้การควบคุมตนเอง
5) สมองได้พัฒนาเต็มศักยภาพ
6) มีความฉลาดทางอารมณ์
7) มีความรับผิดชอบ มีทักษะการตัดสินใจที่ดี
8) มีบุคลิกที่ดี
9) มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าทั้งในด้านการเรียน และการทำงาน

 การเลี้ยงลูกเชิงบวก จะได้ผลดีที่สุดเมื่อใช้ควบคู่ไปกับการสอนให้มีความฉลาดทางอารมณ์ 
และการสอนให้มีความฉลาดทางอารมณ์ จะได้ผลดีที่สุดเมื่อใช้ควบคู่ไปกับการเลี้ยงลูกเชิงบวก

 อ่านเรื่องการสอนให้มีความฉลาดทางอารมณ์ได้ ที่นี่

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สิ่งจำเป็นพื้นฐาน 4 อย่าง (Maslow's hierarchy of needs - 4 basic needs)

รูปภาพ
บทความนี้อ้างอิงจากทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ และส่วนหนึ่งของหนังสือชื่อ A Parent's Guide to Gifted Children และ If I Have to Tell You One More Time นะคะ รินคิดว่าพวกเราส่วนใหญ่เคยได้เรียนหรือได้ยินทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์มาแล้วทั้งนั้น แต่ลืม (รินก็เช่นกัน) จนวันนึงที่รินมีลูก เจ้าทฤษฎีนี้มันกลับมาวนเวียนอีกครั้ง และทำให้รินได้เข้าใจลูกมาขึ้น รินจะเล่าให้ฟังว่ามันเกี่ยวกับลูกเรายังไง แล้วเราจะนำมันไปใช้ยังไง ก่อนอื่น เพื่อความเข้าใจตรงกัน ความต้องการในที่นี้ มาจากภาษาอังกฤษว่า need นั่นคือ มันไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือย มันเป็นสิ่งจำเป็น ขาดไม่ได้ เหมือนอากาศ เหมือนอาหาร เราต้องผ่านแต่ล่ะลำดับไปเพื่อสู่ลำดับถัดไป ทฤษฎีของมาสโลว์ว่าไว้ว่า มนุษย์เรามีลำดับขั้นความต้องการดังนี้ค่ะ  ลำดับที่ 1 ความต้องการทางด้านร่างกาย (Physiological needs) ลำดับที่ 2 ความต้องการความปลอดภัย (Safety needs) ลำดับที่ 3 ความต้องการความรัก ความต้องการเป็นส่วนหนึ่ง (Belonging and love needs) ลำดับที่ 4 ความต้องการการยอมรับ (Needs for esteem) ลำดับถัดๆ ไปจะเป็นเรื่องการเรีย...
อ่านเพิ่มเติม

การเล่นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ (Importance of Play)

รูปภาพ
ในการ เลี้ยงลูกเชิงบวก รากฐานที่สำคัญที่สุดคือ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูก และวิธีสร้างความสัมพันธ์ที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่งคือการเล่นด้วยกัน แต่น่าเสียดายที่เด็กๆ หลายคนไม่มีโอกาสได้เล่นอย่างเต็มที่   ในโลกที่แข่งขัน เราอาจมองว่าการเล่นเป็นเรื่องเสียเวลา ลูกต้องฝึกทำโจทย์ ต้องเรียนพิเศษ เพื่อไปสอบแข่งกับคนอื่น ..   รินเห็นด้วยว่าเราต้องพัฒนาสมองลูก แต่การสร้างความสัมพันธ์ก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้กัน ดังนั้น รินขอแนะนำการเล่นที่จะตอบโจทย์เราทั้งสองอย่างค่ะ 1) การเล่นแบบใช้ร่างกาย เล่นโลดโผน การเล่นแบบนี้จะทำให้สมองส่วนบนพัฒนา ทำให้รับมือกับอารมณ์และความเครียดได้ดี การที่ลูกได้สนุกตื่นเต้นและหัวเราะเต็มที่จะทำให้สารเคมีที่ดีต่อสมองหลั่งออกมา มีการเก็บข้อมูลจากโรงเรียนอนุบาลในญี่ปุ่นพบว่า โรงเรียนที่เล่นแบบนี้ก่อนเข้าเรียนจะทำให้เด็กๆ มีสมาธิสูงกว่านักเรียนในโรงเรียนอื่นๆ โดยจะสามารถนั่งนิ่งๆ ตั้งใจฟังคุณครูในห้องเรียนได้ นอกจากนั้น การเล่นแบบนี้ยังเป็นการเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ส่งผลให้ลูกเติบโตไปเป็นคนมีบุคลิกดี ดูสง่าผ่าเผย กล้ามเนื้อหลังที่แข็งแร...
อ่านเพิ่มเติม

คิดก่อนสอน (Respond not react)

รูปภาพ
รินมีคาถาวิเศษที่จะช่วยให้เรา สอนลูก ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ปะทะกับลูกน้อยลง และสร้างบาดแผลให้กับลูกน้อยลงมาฝากค่ะ คาถานั้นประกอบไปด้วยคำถาม 3 ข้อด้วยกัน เป็นคำถามที่เราควรหยุดคิด และถามตัวเองทุกครั้งเมื่อเราเจอเหตุการณ์ที่เราคิดว่า ลูกทำไม่ถูกละ ต้องสอนกันหน่อยละ คำถามนั้นคือ ทำไม อะไร และอย่างไร 1) ทำไมลูกถึงทำแบบนี้ 2) เราอยากจะสอนอะไรลูก 3) เราจะสอนลูกอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด คำถามข้อแรก เราถามตัวเราเองเพื่อที่เราจะได้เข้าใจว่าปัญหาคืออะไร เราถามด้วยความอยากรู้ อยากเข้าใจ อยากมองเห็นปัญหา จะได้แก้ไขได้ ไม่ได้ถามเพื่อตีตรา คำตอบลักษณะประชด ต่อว่า เช่น "ก็ลูกเป็นเด็กเหลือขอ" "ก็ตามใจกันจนเสียคน" ไม่ช่วยอะไรนะคะ คำตอบต่อคำถามนี้สำคัญที่สุด เพราะเราจะสอนและแก้ไขในสิ่งที่เรามองว่าเป็นปัญหาค่ะ (สำหรับเด็กโต เราสามารถถามลูกได้นะคะ ว่าเพราะอะไร ลูกถึงทำแบบนั้น แต่ต้องถามด้วยนำเสียงและท่าทีอยากเข้าใจและอยากช่วยเหลือ ไม่ใช่ถามเพื่อเอาเรื่องหรือต่อว่านะคะ) คำถามข้อที่สอง เราถามตัวเอง เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เราจะมองไปว่าเราต้องการสอนอะไรลูก เราต้องการให้ล...
อ่านเพิ่มเติม